Mindful Living ศาสตร์ที่ว่าด้วยการใช้ชีวิตอย่างมีสติ เมื่อเรามีสติก็จะส่งผลให้ตัวเราก้าวไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น
Mindful Living หรือ Mindfulness คืออะไร?
คำ ๆ นี้ ไม่ใช่คำที่เราเพิ่งเคยเห็นกันครั้งแรก เพราะคำนี้เราถูกสอนกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เชื่อได้เลยว่าในหลายโรงเรียนมักจะมีการพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง และหากจะบอกว่าคำนี้เป็นดังคำสอนที่ใกล้เคียงกับทางศาสนาพุทธ ก็คงจะเป็นคำจำกัดความสั้น ๆ ที่บ่งบอกให้เรา
“ใช้ชีวิตด้วยสติ ไม่ประมาท รับรู้ตนเองในทุกเรื่อง ทุกขณะ”
Mindfulness ไม่ได้เป็นที่นิยมในแวดวงศาสนาเท่านั้น แต่ปัจจุบันก็ได้รับการยอมรับในวงกว้างด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในวงการของจิตวิทยา ด้วยการใช้ Mindfulness มาเป็นวิธีการบำบัดเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตที่แข็งแรง และมีสติอยู่กับปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

Mindfulness การใช้ชีวิตอย่างตั้งใจ ช่วยให้โลกของเราดีขึ้น
การใช้ชีวิตอย่างมีสติและใส่ใจ ไม่ได้เพียงแค่ช่วยให้ชีวิตของเราดีขึ้นเท่านั้น แต่หากเราสามารถนำวิธีดังกล่าว ผสมผสานให้เข้ากับเรื่องของการใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือ ECO Living ก็จะช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้นมากกว่าเดิม
3 วิธีใช้ชีวิตอย่างมีสติเพื่อชีวิตและโลก
1. เลือกกินอย่างมีสติ
- รับประทานอาหารที่มาจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน
สนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น ที่ใช้วิธีการผลิตแบบอินทรีย์ เพราะจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งและสารเคมีอันตราย หรือเลือกสินค้าที่มีใบรับรองความยั่งยืนเพื่อสนับสนุนระบบอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนสินค้าจากเกษตรกรไทยของเราอีกด้วย
- ลดขยะอาหารด้วยการวางแผนและเก็บรักษาอย่างถูกวิธี
วางแผนมื้ออาหารล่วงหน้า ซื้อเฉพาะสิ่งจำเป็น และเก็บรักษาอาหารอย่างเหมาะสม นำเศษอาหารไปทำปุ๋ยหมักหรือถนอมอาหารด้วยการแช่แข็ง ดอง หรือตากแห้ง เพราะนอกจากจะลดปริมาณขยะอาหารแล้ว เรายังมีเมนูดองใหม่ ๆ ให้ลองทานกันอีกด้วย


2. ใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า
- ไม่ลืมปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน
ถอดปลั๊กอุปกรณ์ที่ไม่ใช้งานแม้ในโหมดสแตนด์บาย เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED และเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ใช้แสงธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- อย่าลืมพกของใช้ส่วนตัว
เพื่อลดขยะที่เป็น Single Use ต่อให้จะผลิตจากวัสดุที่ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ แต่การที่ปฏิเสธและไม่ใช้จะดีที่สุด (แต่หากไม่มีทางเลือกก็ใช้ได้นะ อย่าใช้ชีวิตแบบรักษ์โลกแต่ไม่รักตัวเองนะ) ดังนั้นแล้วการพกถุงผ้า แก้วน้ำ หรือกล่องอาหารแบบใช้ซ้ำ และปฏิเสธบรรจุภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นช่วยลดขยะและส่งเสริมความยั่งยืนได้มากยิ่งขึ้น


3. เชื่อมโยงกับธรรมชาติ
- ปลูกต้นไม้หรือมีพื้นที่สีเขียวในบ้าน
ต้นไม้จะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ปรับอุณหภูมิ และกรองอากาศในบ้าน หากมีพื้นที่จำกัด ลองปลูกพืชในกระถางหรือทำสวนแนวตั้งก็ได้นะ เพราะต้นไม้จะช่วยให้อุณหภูมิของบ้านเย็นมากยิ่งขึ้น และการปลูกต้นไม้ ยังช่วยให้เราฝึกสติและมีสมาธิมากยิ่งขึ้น
- ใช้เวลาอยู่กลางแจ้ง
การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติช่วยลดความเครียดและเพิ่มคุณภาพชีวิต เดินในสวนสาธารณะหรือออกกำลังกายกลางแจ้งเพื่อเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ก็จะทำให้เราอยู่กับตัวเอง และทบทวนตัวเองได้ดีมากขึ้น และอยากให้ลองสังเกตการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ฟังเสียงนก ดูรูปแบบของเมฆ เพื่อซาบซึ้งในความสำคัญของระบบนิเวศและสร้างแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้นนะ


การใช้ชีวิตอย่างมีสติและผสมผสานตัวเองเข้ากับธรรมชาติ ก็จะช่วยให้เราเห็นถึงความสำคัญและการเปลี่ยนแปลงของโลกเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นพี่หมีเลยอยากให้ทุกคนลองเอาหลักของ Mindfulness เข้ามาผสมผสานกับ ECO Living ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เราสามารถมีคุณภาพชีวิตและอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดีได้
เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ จะนำมาซึ่งพลังในการสร้างโลกที่น่าอยู่ขึ้นได้อย่างแท้จริง
ติดตามข้อมูลข่าวสารของ คิดคิด และ ECOLIFE ได้ที่
Facebook: ECOLIFE
LINE OA: @ECOLIFEapp